วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

หลักการใช้ Yes/No Question

หลักการใช้ YES/NO QUESTION

สำหรับการตอบของ Yes/No question ก็เป็นประโยคที่ต้องการคำตอบว่า ใช่ หรือไม่ใช่ ถ้าจะเทียบกับภาษาไทยก็เป็นคำถามว่า ใช่มั้ย/ใช่หรือไม่ นั้นเอง เช่น

Are you from Spain?

คุณมาจากประเทศสเปนใช่มั้ย

Yes, I am from Spain.หรือ Yes, I am. (เป็นการตอบแบบสั้น ๆ)

ใช่แล้ว ฉันมาจากประเทศสเปน

No, I am not from Spain หรือ No, I’m not / No, I am not

เปล่าหรอก ฉันไม่ได้มาจากประเทศสเปน ในที่นี่อาจจะพูดต่อว่า I am from Sweden. เพื่อบอกว่าคุณมาจากไหนก็ได้

เอาล่ะคะ เรามาดูหลักการสร้างประโยคคำถามแบบ Yes/No question กันเลย

1. ถ้าในประโยคนั้นมี V.to be เป็นกริยาแท้ ก็ให้ดึง V.to be มาไว้ด้านหน้าเลยค่ะ

He is lazy.  ==> Is he lazy?     ตอบได้ว่า Yes, he is.  หรือ No, he is not. / No, he isn’t.
They are his friends.  ==>  Are they his friends?  ตอบได้ว่า Yes, They are. หรือ No, they are not. / No, they aren’t.

2. ถ้าประโยคนั้นมีกริยาแท้ และมีกริยาช่วย (auxiliary verb) ด้วย ก็ต้องดึงกริยาช่วยมาขึ้นต้นประโยค

Tim is watching TV now. ==> Is Tim watching TV now?

He has done his work.  ==> Has he done his work?

They will be playing football. ==> Will they be playing football?

3. ถ้าประโยคนั้นมีแต่กริยาแท้ ไม่มีกริยาช่วยใด ๆ ก็จะใช้ Do/Does/Did เข้ามาช่วย

กรณีเป็นเหตุการณ์ปัจจุบัน จะใช้ Do ( I, You,We,They)  และ Does (He, She, It)

He like to play tennis. ==> Does he like to play tennis?

They go to school everyday. ==> Do they go to school everyday?

กรณีเป็นเหตุการณ์ในอดีต จะใช้ Did กับประธานทุกตัว

She bought some milk last night. ==> Did she buy some milk last night?

They watched series together three days ago.  ==> Did they watch series together three days ago?

การใช้ some และ any

การใช้ some และ any

ทั้ง some และ any มีความหมายว่า "บ้าง" แต่ใช้แตกต่างกันดังนี้
1. some ใช้กับประโยคบอกเล่า ใช้ได้ทั้งกับนามนับได้และนามนับไม่ได้
เช่น
I have some pens. (ฉันพอจะมีปากกาบ้าง)
John wants some water. (John ต้องการน้ำบ้าง)
There are some books on the table. (มีปากกาอยู่บนโต๊ะบ้าง)
There is some sugar in the bowl. (มีน้ำตาลทรายอยู่ในชามบ้าง)

2. any ใช้กับ
2.1 ประโยคปฏิเสธ ใช้ได้ทั้งกับนามนับได้และนามนับไม่ได้ แต่ความหมายจะเปลี่ยนเป็น
"ไม่ ______ เลย" เช่น
I don't have any pens. (ฉันไม่มีปากกาเลยสักด้าม)
John doesn't want any water. (John ไม่ต้องการน้ำเลย)
There aren't any pencils under the table. (ไม่มีดินสออยู่ใต้โต๊ะเลยสักแท่ง)
There isn't any tea in the cup. (ไม่มีน้ำชาอยู่ในถ้วยเลย)

2.2 ประโยคคำถาม ใช้ได้ทั้งกับนามนับได้และนามนับไม่ได้ แต่ความหมายจะเปลี่ยนเป็น
"_______ บ้างไหม" เช่น
Do you have any pens? (คุณมีปากกาบ้างไหม)
Does John want any water? (John ต้องการน้ำบ้างไหม)
Are there any books in the schoolbag? (มีหนังสืออยู่ในกระเป๋าเรียนบ้างไหม)
Is there any coffee in the cup? (มีกาแฟอยู่ในถ้วยบ้างไหม)

12 Tenses

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สรุปหลักการใช้ Present Simple Tense

หลักการใช้ Present Simple Tense สรุปได้ดังนี้

ใช้บอกกล่าว เล่าข้อเท็จจริงทั่วไปของ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่  คลิกอ่านอีกครั้งที่นี่
โครงสร้าง คือ ประธาน + กริยาช่องที่ 1  หรือ ประธาน + กริยาช่วย + กริยาช่องที่ 1  คลิกที่นี่
ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม s หรือ es  คลิกอ่านที่นี่
ประโยคคำถามนั้น ถ้ามีกริยาพิเศษบางตัว ให้เอากริยานั้นนำหน้าประโยคได้เลย ถ้าไม่มีให้เอา Verb to do มาใช้   คลิกอ่านที่นี่
มีคำกริยา 3 ตัวที่ควรเรียนรู้และจำให้แม่น ใน Present Simple Tense ที่ต้องจดจำให้แม่น เพราะจะใช้กับ Tense อื่นๆด้วย ได้แก่
Verb to be (is am are)
Verb to have (have has)
Verb to do (do does)

หลักการใช้ verb to be


หลักการใช้ Verb to be

นักเรียนได้ศึกษารูปแบบการใช้และตัวอย่างของ  Verb to be  ทัง 3 ตัวแล้ว เพื่อให้นักเรียนเข้าใจและสามารถ
นำ Verb to be ไปใช้ในประโยคได้อย่างถูกต้อง ควรศึกษาหลักการใช้  Verb to be เพิ่มเติมดังนี้

Verb to be มีหลักการใช้ดังต่อไปนี้

1. to be + adjective หมายถึงการใช้ Verb to be ตามด้วยคำคุณศัพท์ (Adjective) เช่น

I am happy.

You are smart.
They are lazy.
She is pretty.
That dog is fierce.(ดุ)
That trees are very tall.

2. to be + กริยาเติม ing (v+ing) ใช้เพื่อแสดงเหตุการณ์ที่กำลังกระทำ หรือกำลังเกิดขึ้น เช่น

My mother is cooking.
Joey  and his friends are doing  their homework.
You are listening to the songs.
I am teaching English.
We are learning English online.

3. to be + complement. (ส่วนขยาย) ใช้  Verb to be กับส่วนขยายของประโยค เพื่อให้
    ประโยคสมบูรณ์ขึ้น เช่น

His father is an engineer.
They are soccer players.
I am an actress.
She is a nurse.

4. ใช้ในรูปของ There is / There are  เช่น

There is a calculator on the table.
There is an umbrella on the wall.
There is milk in the glass.
There are five notebooks in a backpack.
There are twelve in a dozen. 
There are seven days in a week.

สรุปการใช้ verb to do

สรุปการใช้  Verb to do 

Verb to do  เป็นกริยาที่ใช้ได้หลายหน้าที่ เช่น ใช้เป็นกริยาแท้ในประโยค และใช้เป็นกริยาช่วย
ในรูปประโยคคำถาม รูปประโยคปฏิเสธ และใช้ในรูปประโยคสั่งห้าม

Verb to do ถ้าทำหน้าที่เป็นกริยาแท้ มีความหมายว่า "ทำ"โดยประธานทำกริยาเอง และจะเปลี่ยนรูป

ไปตามประธาน เรามักจะพบในสำนวนต่าง ๆ เช่น  do homework, do the housework,

do the dishes

Verb to do ทำหน้าที่เป็น กริยาช่วย ในรูปประโยคคำถาม  และรูปประโยคปฏิเสธ 
ถ้าเป็นประโยคคำถามเราจะใช้  Do, Does  ขึ้นต้นประโยค  ส่วนประโยคปฏิเสธ จะใช้  do not, does not
วางระหว่างประธานกับคำกริยา
                 Do จะใช้กับประธานที่เป็นพหูพจน์
                 ส่วน  Does จะใช้กับประธานที่เป็นเอกพจน์ กริยาแท้ในประโยคที่มี  s, es  ให้ตัดออก

Verb to do ในประโยคสั่งห้าม โดยเราจะใช้  Don't ไว้หน้าประโยค เป็นการห้ามบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
กระทำในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ดังตัวอย่างประโยคที่นักเรียนได้ศึกษามาข้างต้น

เพลง verb ช่วย

https://youtu.be/YGBxpDBZvDk

หลักการใช้ verb to do

https://youtu.be/I5J6H4CTGDY